เมนู

ก็ดี ปรินิพพันตบุคคลที่กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิก็ดี เวทนาขันธ์
ไม่ใช่จักดับ และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ

เวทนาขันธมูล


เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี :-


[272] เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใดในภูมิใด, สัญญา-
ขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?
เมื่อบุคคลเหล่านั้นที่กำลังเกิดในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์ไม่ใช่
เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่สัญญาขันธ์จักดับแก่บุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลเหล่านั้นกำลังปรินิพพานใน
สุทธาวาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี เวทนาขันธ์ไม่ใช่
เคยเกิด และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.
ก็หรือว่า สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับแก่บุคคลใดในภูมิใด, เวทนา-
ขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?
เมื่อปรินิพพันตบุคคลที่กำลังปรินิพพาน สัญญาขันธ์ไม่ใช่จัก
ดับแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคล

เหล่านั้นในภูมินั้น, เมื่อปรินิพพันตบุคคลที่กำลังปรินิพพานในสุทธา-
วาสภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอสัญญสัตตภูมิก็ดี สัญญาขันธ์ไม่ใช่
จักดับ และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น.
จบ เวทนาขันธมูละ สัญญาขันธมูลี
เวทนาขันธมูล จบ
ปุคคโลกาสวาระ จบ
อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ
ปวัตติวาระ จบ

อรรถกถาขันธยมก


อรรถกถาปวัตติวาระ


บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเริ่มปวัตติวาระโดยนัยเป็นต้นว่า
ยสฺส รูปกฺขนฺโธ ถามว่า เพราะเหตุไรพระองค์จึงไม่ตรัสอุทเธสวาระ
ไว้ในปวัตติวาระนี้ ตอบว่า เพราะเป็นนัยที่ทรงแสดงไว้แล้วในหนหลัง
ก็นัยในอุทเทสวาระพระองค์ทรงแสดงไว้แล้วในปัณณัตติวาระ ก็โดย
นัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไม่ตรัสอุทเทสวาระนั้น ทรงเริ่มนิทเทส
วาระเลยทีเดียว เพราะแม้ไม่ตรัสอุทเทสวาระไว้ในปัณณัตติวาระนี้
ใคร ๆ ก็อาจทราบได้.
ก็อันตรวาระ 3 คือ อุปาทวาระ นิโรธวาระ อุปาทนิโรธ
วาระ ย่อมมีในมหาวาระ กล่าวาคือ ปวัตติวาระนี้.

ในวาระทั้ง 3 นั้น วาระที่ 1 เรียกว่า อุปาทวาระ เพราะ
แสดงลักษณะแห่งการเกิดขึ้นของธรรมทั้งหลาย.
วาระที่ 2 เรียกว่า นิโรธวาระ เพราะแสดงลักษณะแห่งการ
ดับของธรรมทั้งหลายเหล่านี้นั้นนั้นแหละ.
วาระที่ 3 เรียกว่า อุปาทนิโรธวาระ เพราะแสดงลักษณะ
แม้ทั้งสอง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอาการแห่งการเกิดขึ้นของธรรม
ทั้งหลายในปวัตติวาระนี้ด้วยอุปาทวาระ, ทรงแสดงความไม่เที่ยงของ
ธรรมทั้งหลายเหล่านั้นนั้นเองด้วยนิโรธวาระว่า " ชื่อว่า การเกิดขึ้น